โลกร้อนกำลังเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศทั่วโลกอย่างชัดเจน โดยปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นครั้งแรกที่อุณหภูมิโลกเฉลี่ยสูงเกิน 1.5°C จากระดับก่อนอุตสาหกรรม นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อฤดูกาลอย่างรุนแรง และนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงในระบบนิเวศของโลก
ฤดูร้อนจะยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยภายในปลายศตวรรษที่ 21 อาจกินเวลาถึง 6 เดือน ในขณะที่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะสั้นลง ฤดูหนาวแม้จะสั้นลง แต่ก็อาจมีปริมาณฝนและหิมะเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้บรรยากาศกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น
สรุปข่าว
การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ฤดูร้อนที่ยาวนานอาจเพิ่มความเสี่ยงของไฟป่าในภูมิภาคตะวันตกของสหรัฐฯ ขณะที่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือและมิดเวสต์ของสหรัฐฯ อาจเผชิญกับฝนและหิมะที่ตกหนักขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อวงจรการเพาะปลูกพืชและการอพยพของสัตว์ ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและระบบนิเวศ
นอกจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลยังส่งผลโดยตรงต่อมนุษย์ ปริมาณฝนและหิมะที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้บางพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม โดยเฉพาะบริเวณที่มีโครงสร้างพื้นฐานเก่า ขณะที่ฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้นอาจทำให้เกิดภัยแล้งรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อทรัพยากรน้ำ เกษตรกรรม และเศรษฐกิจโดยรวม
ปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชากร โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่เผชิญกับความเสี่ยงสูงสุดจากคลื่นความร้อน น้ำท่วม และมลพิษทางอากาศ อุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจเพิ่มอัตราการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หัวใจ และหลอดเลือด ซึ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและสุขภาพยิ่งรุนแรงขึ้น
Sane Srisukhot
(Sane Srisukhot)