PM2.5 ภัยร้าย ทำลายหลอดเลือด

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

ฝุ่น PM2.5 เป็นมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด จากการศึกษาที่เผยแพร่ใน The Journal of the American Medical Association (JAMA) พบว่าการได้รับฝุ่น PM2.5 เป็นเวลานานสามารถทำให้เกิดการสะสมของคราบพลัคในหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง

นักวิจัยได้ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างจำนวน 6,795 คน ใน 6 เมืองของสหรัฐอเมริกา โดยผู้เข้าร่วมมีอายุระหว่าง 45-84 ปี และไม่มีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดมาก่อน การศึกษานี้ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี โดยมีการตรวจวัดระดับ PM2.5 และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ทั้งภายนอกและภายในที่อยู่อาศัยของผู้เข้าร่วม ผลการศึกษาพบว่าทั้ง PM2.5 และ NOx มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งทำให้หลอดเลือดแข็งตัวเร็วขึ้น

PM2.5 ภัยร้าย ทำลายหลอดเลือด

สรุปข่าว

ฝุ่น PM2.5 ส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยการศึกษาพบว่าการสัมผัสฝุ่น PM2.5 นานๆ จะทำให้เกิดการสะสมของคราบพลัคในหลอดเลือด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ควบคุมค่าฝุ่น PM2.5 ไม่เกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร การป้องกันตนเอง เช่น การหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงฝุ่นสูง และการใช้หน้ากากกรองฝุ่น N95 จะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพได้

ดร. Joel Kaufman ผู้วิจัยหลักของการศึกษานี้อธิบายว่า ฝุ่น PM2.5 สามารถกระตุ้นให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเพื่อต่อสู้กับอนุภาคฝุ่น กระบวนการนี้ทำให้เกิดคราบพลัคในหลอดเลือดแดง ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะสำคัญลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

จากการศึกษาพบว่า เมื่อปริมาณฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือปริมาณ NOx เพิ่มขึ้นทุก ๆ 40 พีพีบี (ppb) การสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจจะเพิ่มขึ้นถึง 20% องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงแนะนำให้ควบคุมค่าฝุ่น PM2.5 ไม่ให้เกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง) เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ

ดังนั้น การป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยประชาชนควรเฝ้าระวังและติดตามค่าฝุ่นในอากาศอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง ใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากกรองฝุ่น N95 และสนับสนุนมาตรการลดมลพิษทางอากาศของภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ การลดการปล่อยมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมและยานพาหนะจะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มาข้อมูล : Sonthi Kotchawat

ที่มารูปภาพ : Reuters