คอกาแฟเครียด โลกร้อนเป็นเหตุ ทำกาแฟแพงไม่หยุด

เมื่อพูดถึงกาแฟในยุคโลกร้อน Thaleon Tremain ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Pachamama Coffee ในแคลิฟอร์เนีย ยังคงมุ่งมั่นที่จะขายเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงในราคาที่เกินกว่ามาตรฐานตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่ากาแฟเป็นสินค้าหรูหราและคุ้มค่าที่จะจ่ายในราคาที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนเกษตรกรในเปรู นิการากัว และเอธิโอเปีย อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น ภัยแล้งและน้ำท่วม ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตกาแฟทั่วโลก ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนเกิดความกังวลว่าแนวโน้มนี้จะส่งผลต่อความยั่งยืนของธุรกิจและเกษตรกรที่ผลิตกาแฟ

สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การผลิตกาแฟในประเทศหลัก เช่น บราซิลและเวียดนาม ประสบปัญหา ภัยแล้งรุนแรงในบราซิลในปีนี้ทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก และคาดว่าจะส่งผลต่อฤดูเก็บเกี่ยวในปีถัดไป ส่วนในเวียดนาม ภัยแล้งตามด้วยฝนตกหนักทำลายแหล่งสำรองเมล็ดโรบัสตา ซึ่งเป็นเมล็ดกาแฟที่นิยมใช้ในกาแฟสำเร็จรูป เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ราคากาแฟเพิ่มขึ้นกว่า 30% ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และราคาล่วงหน้าของเมล็ดกาแฟอาราบิก้าพุ่งทะลุสถิติในรอบ 47 ปี

ในขณะเดียวกัน ความต้องการกาแฟทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีนซึ่งการบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้นกว่า 60% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปัญหาห่วงโซ่อุปทานจากการระบาดของโควิด-19 และความไม่มั่นคงทางการเมืองในอเมริกาใต้ ก็มีส่วนทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น แม้ภาวะเงินเฟ้อจะลดลง แต่บริษัทกาแฟรายใหญ่ยังคงปรับราคาสินค้าสูงขึ้น เช่น Nestlé และ J.M. Smucker ที่วางแผนเพิ่มราคากาแฟและลดขนาดบรรจุภัณฑ์ในปีหน้า

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าในอนาคต พื้นที่เหมาะสมสำหรับการปลูกกาแฟจะลดลง เนื่องจากผลกระทบของภาวะโลกร้อนและการตัดไม้ทำลายป่า ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่ลดลงและราคากาแฟยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้บราซิลจะฟื้นตัวจากภัยแล้ง แต่ต้องใช้เวลาถึงสองปีเพื่อคืนสู่สภาวะปกติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรมกาแฟต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ธุรกิจกาแฟรายย่อย เช่น Carrboro Coffee Roasters ในสหรัฐฯ เผชิญความท้าทายจากต้นทุนการขนส่งและการเก็บรักษาที่สูงขึ้น Scott Conary ผู้บริหารบริษัทกล่าวว่า แม้จะต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เขาหวังว่าผู้บริโภคจะตระหนักถึงคุณค่าของกาแฟในฐานะผลิตภัณฑ์เกษตร และสนับสนุนผู้ผลิตรายย่อยมากขึ้น การปรับราคาที่เหมาะสมจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมและช่วยให้เกษตรกรอยู่รอดได้ในระยะยาว

ท้ายนี้ แม้กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมทั่วโลก แต่การผลิตกาแฟกำลังเผชิญความท้าทายจากความแปรปรวนของสภาพอากาศและความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายในราคาที่สูงขึ้น แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง การปรับราคานี้อาจช่วยกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงความสำคัญของเกษตรกรและการผลิตที่ยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต

ที่มา: nytimes.com