
พลตำรวจโท พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงถึงแนวทางการแก้ปัญหาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และใช้ไทยเป็นทางผ่านในการเดินทางไปทำงานประเทศเพื่อนบ้านแบบผิดกฎหมาย ทั้งที่ตั้งใจและถูกหลอก เช่น ไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงทางออนไลน์
พลตำรวจโท พันธนะ ระบุว่า ตม.แบ่งการแก้ปัญหาเป็น 3 ส่วน คือ คัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทย สกัดกั้นคนต่างด้าวที่จะเดินทางต่อไปยังพื้นที่เฝ้าระวัง โดยเฉพาะ อ.แม่สอด จ.ตาก และ สืบสวนดำเนินคดี ขยายผลไปยังผู้กระทำความผิด เช่น เครือข่ายขนคนผ่านแดน รวมถึงผู้ช่วยเหลือสนับสนุน ลักลอบคนคนต่างด้าวจากไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้จากการสืบสวน พบพฤติการณ์ของขบวนการทำผิดกฎหมาย ชักชวนหาคนไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน มักใช้วิธีโพสต์ลงโซเชียล อ้างว่าหาคนไปทำงานรูปแบบวงการบันเทิง

สรุปข่าว
พันตำรวจเอก คธาธร คำเที่ยง โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า ตม.มีระบบ จัดทำข้อมูลบุคคลเฝ้าระวังวิเคราะห์และบันทึกพฤติกรรมของชาวต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทยเอาไว้ในระบบเฝ้าดู ว่าสุ่มเสี่ยงจะเข้ามากระทำผิดกฎหมายหรือใช้ไทยเป็นทางผ่านไปประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ เบื้องต้นมีข้อมูลรายชื่อในระบบ 9,762 รายที่ทยอยตรวจสอบ พร้อม คัดกรองบุคคลเพื่อหาข้อบ่งชี้ว่าอาจตกเป็นผู้เสียหายการค้ามนุษย์หรือถูกหลอกลวงให้ไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองใช้เป็นฐานข้อมูล
สำหรับปัจจุบันเส้นทางด่านชายแดนถาวรฝั่ง อ.แม่สอด ที่จะข้ามไปยังเมืองเมียวดี เมียนมา ปิดชั่วคราวแล้ว จึงไม่สามารถที่จะเดินทางผ่านช่องทางนี้ได้ หากมีการเดินทางเข้า ออก โดยใช้เส้นทางนี้ ถือว่าผิดกฎหมาย ขณะเดียวกัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ประสานไปยังผู้ให้บริการโรงแรมที่พัก 130 แห่ง ในพื้นที่เฝ้าระวัง อ.แม่สอด จ.ตาก จะต้องแจ้งข้อมูลของผู้เข้าพักที่เป็นชาวต่างด้าวทุกวัน เช่นเดียวกับคนต่างด้าวก็ต้องแจ้งรายละเอียดเหตุผลการเดินทางมาไทยกับด่าน ตม.ให้ชัดเจน และต้องมีแผนการท่องเที่ยวชี้แจงด้วย
ที่มาข้อมูล : สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ที่มารูปภาพ : สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

Chayapha Pakdeesri
(Chayapha)