ไขข้อสงสัย "วิ่ง" หรือ "เดินเร็ว" เบิร์นแคลอรี่ได้ดีกว่ากัน
กระแสรักสุขภาพกำลังมาแรงในช่วงนี้ เชื่อว่าไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเจอกับร้านอาหารสุขภาพ สลัดผัก หรือจะเป็นเทรนด์การออกกำลังกายใหม่ๆ ซึ่งหลายคนก็คงเลือกที่จะใช้วิธีสุดคลาสสิกทั้งการวิ่ง หรือการเดินเร็ว ก็ยังคงเป็นข้อถกเถียงว่าแบบไหนจะสามารถเบิร์นแคลอรี่ได้เร็วกว่ากัน ทาง TNN ไม่พลาดนำเอาข้อต่างของทั้งสองอย่างนี้มาวิเคราะห์ให้ได้ทราบกัน
กระแสรักสุขภาพกำลังมาแรงในช่วงนี้ เชื่อว่าไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเจอกับร้านอาหารสุขภาพ สลัดผัก หรือจะเป็นเทรนด์การออกกำลังกายใหม่ๆ ซึ่งหลายคนก็คงเลือกที่จะใช้วิธีสุดคลาสสิกทั้งการวิ่ง หรือการเดินเร็ว ก็ยังคงเป็นข้อถกเถียงว่าแบบไหนจะสามารถเบิร์นแคลอรี่ได้เร็วกว่ากัน ทาง TNN ไม่พลาดนำเอาข้อต่างของทั้งสองอย่างนี้มาวิเคราะห์ให้ได้ทราบกัน
"การเดินเร็ว" นับว่าเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอรูปแบบหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจและเพิ่มการเผาผลาญ ข้อดีของการออกกำลังกายในรูปแบบนี้คือจะช่วยให้ข้อต่อและกระดูกของเราไม่ถูกกระทบมากจนเกินไป แถมยังเหมาะกับผู้สูงอายุอีกด้วย โดยการเดินเร็วจะต้องใช้จังหวะการเดินทางคงที่เดินเร็วด้วยความเร็วปานกลางต่อเนื่องกันอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง และทำ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
"การวิ่ง" เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเผาพลาญพลังงานได้ดี เพราะร่างกายยังคงเผาผลาญ (after burn) ต่อไปอีกระยะหนึ่งหลังจากที่เราหยุดวิ่ง ซึ่งวิธีการวิ่งก็อ่าจะเหมาะกับกลุ่มวัยรุ่น ไม่เหมาะกับผู้สูงวัยเพราะอาจจะทำให้เหนื่อยจนเกินไป และได้รับบาดเจ็บจากการออกกำลังกายได้ ซึ่งก่อนจะวิ่งก็ควรจะวอมร่างกายให้พร้อม ยืดเหยียดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังวิ่ง โดยการวิ่งปกติ 1 นาที เผาผลาญประมาณ 13 แคลอรี่ วิ่งปกติ 30 นาที เผาผลาญประมาณ 350 – 390 แคลอรี่ วิ่งปกติ 1 ชั่วโมง เผาผลาญประมาณ 700 – 780 แคลอรี่
เพียงเท่านี้ก็พอจะทราบแล้วว่าการ "วิ่ง" ยังคงเป็นวิธีที่ทำให้เราเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด แต่จะต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่ายกายของแต่ละบุคคลด้วยว่าเหมาะกับวิธีการแบบใด สิ่งสำคัญนอกเหนือจากวิธีการที่เราเลือกแล้วนั้นคือความสม่ำเสมอที่จะต้องทำอย่างเป็นประจำเพื่อให้ร่ายกายของเราแข็งแรง ยาวนานตลอดไป ครั้งหน้าทาง TNN จะนำเอาเรื่องราวของอะไรมาให้ได้ติดตามกันต่อ ต้องไม่พลาดรับรองว่าไม่มีตกเทรนด์อย่างแน่นอน